บทความ

what-is-Jolly-Phonics

Jolly Phonics คืออะไร ดีไหม และดีอย่างไร ทำไมครูโบว์ถึงเลือก Jolly Phonics มาสอนเด็ก ๆ

     “ เพราะไม่ได้มีเพียงแค่เด็กไทยในโรงเรียนนานาชาติ  โรงเรียนหลักสูตรสองภาษา  หรือหลักสูตร EP ( English Program ) ของหลาย ๆ  โรงเรียนในประเทศไทย  ที่ได้ใช้หลักสูตรการสอนอ่านออกเสียงของ  Jolly  Phonics  จากประเทศอังกฤษกันอย่างจริงจัง  แต่ยังมี  เด็กในโรงเรียนนานาชาติกว่า  100  ประเทศทั่วโลก   กำลังเรียนด้วยหลักสูตรนี้มากมายไม่เเพ้กัน ”
๋Jollyphonic-is
    “ หากเราอยากได้ผลลัพธ์เหมือนเจ้าของภาษา เราจำเป็นต้องยึดวิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษให้ลูกแบบเดียวกันกับที่เจ้าของภาษาเค้าใช้  เพราะ  Jolly  Phonics  เป็นหลักสูตรมาตรฐานที่ได้รองรับงานวิจัยมากกว่า  25  ปี  และเป็นที่นิยม  ดังปรากฎในงานวิจัยการสอนอ่านออกเสียงอย่างแพร่หลาย ”
         คุณพ่อ  คุณแม่อาจสงสัย….  ถึงที่มาว่า อะไรทำให้ครูโบว์สนใจและเลือกใช้หลักสูตร  Jolly  Phonics  ในการพัฒนาเด็กไทยเพื่อแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้จริงจัง  เพราะจริง ๆ  โฟนิกส์ก็มีมากมายหลายหลักสูตรจากนานาประเทศ ที่เป็นเจ้าของภาษาทั่วโลก

ปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กนักเรียนไทย... ที่ครูโบว์ไปเจอมา

        ย้อนไปเมื่อ 6 ปีก่อน ที่ครูโบว์ได้ยินว่า  การสอนแบบโฟนิกส์จะช่วยให้เด็กๆ อ่านออกเขียนได้   ณ  เวลานั้นเริ่มเห็นการสอนอ่านออกเสียงศัพท์อังกฤษแบบโฟนิกส์  ของตัวอักษร  a-z  เราก็เริ่มแปลกใจตรงที่  เมื่อก่อนเรารู้จักเพียงชื่อของตัวอักษร  ว่า  a  ก็คือ  เอ  a  ก็อ่านว่า  เอ  เราไม่เคยได้ยินมาก่อน  ว่าตัว  a  มีเสียง  “ แอะ ”  ด้วยหรือ  เมื่อได้ยินครั้งแรกครูโบว์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

        ครูโบว์ไม่รอช้า  การค้นคว้า  และหาอ่านงานวิจัยจึงเป็นหน้าที่สำคัญของคนเป็นครู  ที่งานหลักไม่ใช่แค่สอนหนังสือเท่านั้น  แต่มันคือการสวมวิญญานเป็นนักแก้ปัญหาต่ออุปสรรคต่างๆที่เราพบเจอกับการสอนภาษาอังกฤษเด็กในทุกวันที่โรงเรียน

techer-phonics-engbrain-EngBrain         บว์ไม่เคยมองว่าครูคือ   ผู้ให้ความรู้แต่เพียงอย่างเดียว   จริงๆแล้วหน้าที่สำคัญของการเป็นครู  คือการเป็น  นักเเก้ปัญหา  เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเป็นครู  รู้สึกผิดหวัง  หรือท้อแท้ทุกครั้งในการสอน คือเมื่อเราพบว่า  เด็กๆหลายคนไม่ชอบภาษาอังกฤษ   ไม่เปิดใจให้กับภาษาอังกฤษ  

เพียงเพราะพวกเขาอ่านไม่ออก  เขียนไม่ได้ด้วยตัวเอง

        นักเรียนในหนึ่งห้อง เราจะพบเด็กๆ ที่อ่านได้เพียงแค่ 20-30% เท่านั้นซึ่งการอ่านออกของเด็กสมัยก่อน  คือการใช้ทักษะการอ่านแบบ ( whole  word  approach ) หรือการสอนอ่านแบบจำไปทั้งคำ  ซึ่งก็เป็นที่น่าเสียดายมากๆ ที่การสอนอ่านแบบนี้ จะใช้ได้ผลกับนักเรียนที่ความจำดีเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่นักเรียนของครูไม่ได้ถนัดท่องจำเอาเสียเลย
        การหานวัตกรรมต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาในสิ่งที่เผชิญอยู่ มันคือหน้าที่ของครูเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ใช่เพียงแค่การหาวิธีการใหม่ๆ  แต่ครูจำเป็นต้องมีความสามารถในการ ทำเรื่องที่ยากที่สุดให้เป็นเรื่องง่ายที่สุด  หรือ  หาเทคนิคสูตรลับต่างๆ เพื่อย่อยเรื่องที่มันยาก  ซับซ้อน  ด้วยหลักการง่ายๆ เทคนิคจำง่ายๆ และเชื่อมโยงเข้ากับบริบทของตัวเด็กมากที่สุด ซึ่งการได้คลุกคลีกับเด็กๆ มากว่า 12 ปี Key Factor นึงที่ครูโบว์สัมผัสได้ว่า เด็กที่ไม่รักไม่ชอบภาษาอังกฤษ มันเกิดจาก การที่พวกเค้าแค่ไม่เข้าใจเรื่องเสียง และเปล่งเสียงในภาษาอังกฤษออกมา
phonicsforkids
        เมื่อใดก็ตามที่เด็กไม่เกิดการเชื่อมโยงใดๆ กับตัวอักษรในภาษาอังกฤษ เค้าจึงรู้สึกว่ามันยาก มันไม่เข้าใจ และต้องท่องจำเยอะมากมาย นั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หากคนเป็นครูไม่หานวัตกรรมในการสอน เพื่อช่วยเเก้ปัญหาให้พวกเค้า ก็จะเป็นที่น่าเสียดายยิ่งนักที่ เราจะปล่อยให้เด็กๆที่เราสอนเองมากับมือตั้งแต่วัยชั้นประถมศึกษา ปิดใจให้กับภาษาอังกฤษ และเติบโตกลายไปเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รักไม่ชอบ ไม่สนใจภาษาอังกฤษเสียอย่างนั้นหลักการหนึ่งที่ครูโบว์ค้นพบเสมอมา  
kid-speak-english-phonics

“  มนุษย์เราเริ่มต้นสื่อสารกันด้วยเสียง ไม่ใช่ Paper  ”
“  ไม่ต้องแปลกใจค่ะว่าทำไมเด็กไทยถึงออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเค้าไม่เคยได้รู้จักเรื่องเสียงในภาษาอังกฤษก่อนเลย  ”

คราวนี้เมื่อศึกษาจริงจัง จึงมองหานวัตกรรมการสอนที่โดดเด่นที่สุดในตลาด และที่พลาดไม่ได้ เมื่อครูโบว์ได้ค้นพบกับ Jolly Phonics เข้า ไฟแห่งความหวังจึงลุกโชนเข้ามาในจิตใจ และจึงได้นำการสอนแบบ Jolly Phonics มาใช้จนได้ผลลัพธ์ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และเด็ก ๆ ชื่นชอบค่ะ  ก่อนไปรู้จักจอลลี่โฟนิกส์จริงจัง มาดูประวัติเล็กๆกันก่อนนะคะ

Jolly Phonics มีที่มาอย่างไร

ประวัติของจอลลี่โฟนิกส์          คุณคริส จอลลี่ ผู้ก่อตั้งบริษัทจอลลี่โฟนิกส์ในปี 1987 ได้เริ่มต้นสร้างบริษัทจากการผลิต กล่องเกมเสริมทักษะการอ่านออกมา  แต่เมื่อในปี 1989 เขาได้พบกับคุณครูที่มีความหลงใหลในการสอนทักษะการอ่านให้กับเด็กๆ นั่นคือ ครู Sue Lloyd ผู้ที่เป็นนักคิดค้นหลักสูตรให้กับ Jolly Phonicsเค้าทั้งสองพบกันครั้งแรกในปีดังกล่าว ที่งานประชุมวิชาการเล็กๆ 
chris-jolly-phonics
Sue-Lloyd-jolly-phonics
         คุณครู Sue Lloyd ได้พยายามอธิบายถึงผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ ในเรื่องการอ่านออกเขียนได้ของเด็กๆ ด้วยวิธีของเธอ แต่ไม่มีใครฟังหรือสนใจในวิธีการที่เธอค้นพบเลยจนกระทั่ง 2 ปีผ่านไป คริส จอลลี่ได้ทดลองนำไอเดียของคุณครู Sue Lloyd มาพัฒนาในการทำ Phonics Handbookคู่มือสอนโฟนิกส์  ) ด้วยความโชคดีของจังหวะ ที่หนังสือคู่มือนี้ได้ตีพิมพ์ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่การอภิปรายเรื่องการอ่านในรายการทีวีชื่อดังอย่าง UK breakfast หยิบยกประเด็นนี้มาพูดถึงพอดี และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่สวยงามของ Jolly Phonics 
         เป้าหมายของคุณคริส จอลลี่  Chris Jolly คือ การทำให้จอลลี่โฟนิกส์เป็นที่รู้จักทั่วโลก หลังจากที่เขาได้ปล่อยคู่มือการสอนโฟนิกส์ไปนั้น  เขาได้พยายามผลักดันหลักสูตรการสอนอ่านออกเสียงนี้ให้เข้ากันได้กับทางภาษาอังกฤษทางฝั่งอเมริกัน ซึ่งทำให้ Jolly Phonics มีฉบับพิมพ์ของเวอร์ชั่นทางฝั่งอเมริกันด้วย  (ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ถามโบว์มาเยอะมากๆว่า มีเวอร์ชั่นสำเนียงอเมริกันไหมคะ คำตอบคือ มีแน่นอนค่ะ )
         คุณคริส  จอลลี่ มีความหลงใหล  ( passion )  ในการที่เห็นว่าหลักสูตรจอลลี่โฟนิกส์ของเค้าได้ถูกใช้อย่างเเพร่หลายทั่วโลก  หลายๆประเทศได้รับเอาหลักสูตรนี้ไปใช้ในโรงเรียนรัฐบาล เช่น ประเทศ  The Gambia,  Nigeria, Seychelles,  Oman,  Fiji, Trinidad  and  Tobago,  St Lucia และ  Antigua.  และหลักสูตรนี้  ยังคงถูกใช้ในหลายๆโรงเรียนในประเทศ  สหราชอณาจักรไอร์เเลนด์ และโรงเรียนเอกชนในเมืองใหญ่ หรือเมืองหลวงสำคัญๆ  เช่น  Accra,  Lagos,  Cairo, Mumbai,  Singapore,  Kuala  Lumpur  และ  Hong Kong.  ารฝึกสอนและจัดอบรมครู  จึงทำให้คุณคริส จอลลี่ ผู้ก่อตั้งจอลลี่โฟนิกส์ได้เดินางทั่วโลกกว่า 80 ประเทศเลยทีเดียว
school-jolly-phonic

Jolly Phonics คืออะไร ?

        Jolly Phonics จอลลี่โฟนิกส์  เป็นโปรแกรมสอนการอ่านออกเสียง ที่สร้างผลลัพธ์ให้เด็กๆอ่านออกเขียนได้เร็วที่สุดด้วยการใช้เทคนิคการถอดรหัสความสัมพันธ์ของเสียงกับตัวอักษร ซึ่ง Jolly Phonics ได้จัดกลุ่มเสียงอย่างเป็นระบบ หรือที่เราเรียกว่า การสอนโฟนิกส์แบบ  synthetic phonics หรือการสังเคราะห์การออกเสียง      เพื่อให้เด็กๆอ่านออกเขียนได้  ซึ่งวิธีนี้เป็น การเรียนการสอนเรื่องเสียงของพยัญชนะ และสระตลอดจน “  การออกเสียง  ” อย่างถูกต้อง และ “  การสะกดคำ  ” อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง 42 เสียงตัวอักษร ด้วยการใช้เพลงที่มีจังหวะสนุก ประกอบกับเนื้อร้องสั้นๆ ทำนองเพลงง่ายต่อการจดจำ  ทั้งยังมีท่าทางให้เด็กเต้นประกอบ ซึ่งท่าแต่ละท่าต่างก็สอดคล้องเสียงของแต่ละตัวอักษร  ด้วยกระบวนการเหล่านี้จึงกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ และจำท่าทางการเต้น พร้อมกับเนื้อร้อง และหน่วยเสียงย่อยได้ ซึ่งการเรียนรู้ผ่านกระบวนการสอนเเบบพหุสัมผัส หรือ ( multi-sensory method ) ในระบบจอลลี่โฟนิกส์ จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ และส่งเสริมให้พวกเขากระตือรือร้นที่จะเรียนโฟนิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
dance-jolly-phonics-2

ทำไมจอลลี่โฟนิกส์ถึงสำคัญ ?

         Jolly Phonics สอนเด็กๆ ให้อ่านออกเขียนได้ ด้วยการใช้เทคนิคการสอนสังเคราะห์ออกเสียง หรือ synthetic phonics วิธีนี้เป็น การเรียนการสอนเรื่องเสียงของพยัญชนะและสระตลอดจน “ การออกเสียง ” อย่างถูกต้อง และ “ การสะกดคำ ” อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการแห่งสหราชอาณาจักรได้ระบุให้เป็น เครื่องมือหลักในหลักสูตรแกนกลางแห่งชาติ ( Department of Education, 2013 ) ในระดับชั้นเด็กเล็กสำหรับโรงเรียนของระบบอังกฤษทั่วโลก phonics_courses_krubow

ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า  เทคนิคการสอน synthetic phonics  หรือ การสอนสังเคราะห์การออกเสียง เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเรียน เพื่อการอ่านออกเขียนได้ในภาษาอังกฤษ มายาวนานถึง 25 ปี

        ลังจากนั้น โปรแกรมของ Jolly Phonics ได้มีการถูกศึกษาค้นคว้าผ่านงานวิจัยมาหลายงาน ดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้ Phonics กลายเป็นหลักสูตรแกนกลางในประเทศอังกฤษ และทุกวันนี้หลักสูตร Jolly Phonics ได้ถูกนำมาใช้กว่าใน 100 ประเทศทั่วโลก ในฐานะผู้นำการสอนโฟนิกส์ระบบ synthetic phonics  และเป็นผู้มีประสบการณ์สูงสุด
teacher_phonics_courses_krubow

ทำไมจอลลี่โฟนิกส์ถึงแตกต่างกับหลักสูตรโฟนิกส์ทั่วไป ?

        หลักสูตรทั่วไปมักจะเริ่มสอนด้วยระบบเสียง a-z ไล่เรียงไปทีละเสียงตามระบบ ( Alphabetical Order ) ทำให้ลูกต้องจำให้ได้ 26 ตัวอักษรก่อน #ย้ำค่ะว่าจำให้ได้ครบก่อนแล้วค่อยผสมคำ

x ซึ่งข้อเสียคือ x x เด็ก ๆ จะผสมคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ช้า x อ่านออกได้เเค่คำศัพท์สระเสียงสั้น  a e i o u

        การสอนทีละเสียงตามระบบพยัญชนะ เช่น a แอะ b เบอะ c เขอะ ไม่สามารถทำให้ลูกผสมเสียงและอ่านคำศัพท์ออกมาได้เร็วเพราะลูกจะจับต้นชนปลายไม่ถูก  แต่ในขณะเดียวกันจอลลี่ได้แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มเสียง ดังภาพ
Jolly Phonics 42 Letter Sound

จอลลี่วิจัยมาว่าเราต้องใช้เสียงที่เด็ก #ออกได้ง่ายที่สุด ต่อให้ฟันยังไม่ขึ้นเช่นเสียงที่เกิดจากปุ่มเหงือกและริมฝึปากบนล่าง  เรียนตั้งเเต่กลุ่มแรก ตัวอักษรเพียง 6 ตัวก็สามารถผสมคำได้ทันที s a t i p n จะสามารถผสมและอ่านได้ถึง 30 คำ ทำให้เด็กๆมีกำลังใจมากเลยทีเดียว

ยกตัวอย่าง 10 ใน 30 คำนะคะ »  กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 1 เกิดจากการผสมเสียง  s, a, t,  i, p,  n  คำว่า

nip

pit

pat

spit

spat

tin

stint

nap

tap

sat

phonics-set-1
phonics-set-2
»  กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 2 c, k, e,  r, h ,m, d  คำว่า

met

cramp

tramp

ruck

sack

pick

dent

pant

mitten

crept

damp

mist

sack

hip

» กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 3 g, o,  u, l, b, f  คำว่า

rug

fig

lump

bent

crust

lid

peg

pump

must

rot

loft

step

grab

flap

huff

puff

hug

hop

flop

phonics-set-3
phonics-set-4
» กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 4 ai j, oa, ie, ee, or คำว่า

drain

strain

stain

plain

plaid

port

torn

cork

scorch

afford

snort

passport

beep

seep

» กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 5 z, w,  ng, v,   oo short and long  คำว่า

zigzag

zip

zoom

fizz

wigwam

zap

winner

wooden

veep

whisper

stool

phonics-set-5
phonics-set-6
» กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 6 y, x, ch, sh, th voiced and unvoiced คำว่า

yank

yak

yam

yelp

yank

yard

tap

shut

shrug

choke

chain

» กลุ่มเสียง สัปดาห์ที่ 7 qu, ou, oi, ue, ar, er  คำว่า

quarter

partner

mixer

stern

herb

cue

rescue

argue

barbecue

pouch

mount

scout

เมื่อเรียนครบ 7 กลุ่มลูกจะอ่านออกมากถึง 1,200 คำ

phonics-set-7

Jolly Phonics เหมาะกับเด็กช่วงวัยไหน ?

        เราสามารถเริ่มสร้างกระบวนการ ( phonemic awareness )  ความตระหนักในการเรียนรู้เรื่อง หน่วยเสียงย่อย  ให้กับลูกในวัย 1 ขวบเป็นต้นไปได้  เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นที่สุดต่อการเรียนโฟนิกส์  แต่หลักสูตร  Jolly Phonics  ควรเริ่มให้ลูกเรียนจริงจัง  เมื่อเด็กๆอายุ  3 ขวบ  หรือระดับชั้นอนุบาล  1 – 3  จะเหมาะสมที่สุด  เพราะในช่วงวัย  0-7  ขวบเป็น critical  period  ของการเรียนภาษา  หากจะให้ลูกๆซึมซับภาษาใดๆในโลกใบนี้  การให้พวกเค้าได้มีประสบการณ์  ผ่านการเรียนรู้กระบวนการเรื่องเสียง และมิติสัมผัส multi-sensory learning ในช่วงวัยนี้ ลูกๆจะมีพัฒนาการได้เร็ว  อยากอ่านภาษาอังกฤษ  และเพิ่มความสามารถในการสร้าง critical thinking  ( กระบวนการคิดวิเคราะห์แยกแยะ )ได้  เด็กๆ ในชั้นอนุบาลจะได้เรียนเรื่อง Letter Sound ทั้ง 42 เสียง จนครบจบในสัปดาห์ที่ 12 ของการจัดการศึกษาที่โรงเรียน  และทำให้พวกเขาผสมเสียง เพื่ออ่านศัพท์เบื้องต้นใดๆ ได้ชัดเจน
kid-children-phonics
        หากเด็กๆมีพื้นฐานของโฟนิกส์ในระดับชั้นอนุบาล 1-3 มาดังกล่าวเเล้ว การต่อยอดหลักสูตรโฟนิกส์ในวัยชั้นประถมศึกษา  ป.1-3 จะเป็นเรื่องการประยุกต์เสียง  Phonics  เข้ากับหลักการไวยากรณ์          Jolly Phonics จึงได้ออกแบบหลักสูตรหนึ่งที่มีชื่อว่า Jolly Grammar เพื่อให้เด็กๆชั้นประถมศึกษาได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้นขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งเรื่องของฐานเสียงโฟนิกส์ที่นำมาใช้ในการเรียนต่อ  ซึ่งคุณพ่อ  คุณแม่ก็อาจจะมีคำถามสงสัยว่า หากลูกไม่เคยเรียนโฟนิกส์มาก่อน ในระดับชั้นอนุบาลเลย แล้วต้องข้ามขั้นตอนไปเรียนหลักสูตร Jolly Grammar หรือไม่คะ หรือต้องทำอย่างไร

ครูโบว์แนะนำจากใจ การเริ่มต้นเรียนโฟนิกส์ในระดับชั้น ป.1-3 ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะปูพื้นฐานให้น้องใหม่ ยังดีเสียกว่า หากเราตระหนักรู้และกลับตัวทัน ที่จะพัฒนาลูกด้วยหลักสูตรที่มี ด้วยกระบวนการและทฤษฎีต่างๆ รองรับอย่างชัดเจน เราจึงไม่เเปลกใจว่า ทำไมจอลลี่โฟนิกส์ถึงทำให้เด็กๆอ่านออกได้เร็วที่สุด

Phonics Courses Kids EngBrain
Jolly Phonics ทำงานยังไง? ขั้นตอนการสอนโฟนิกส์ด้วย 5 ทักษะนี้
        Jolly Phonics เป็นหลักสูตรที่สมบูรณ์แบบที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสนุก  มีการเรียนรู้และการสอนแบบพหุมิติสัมผัส และวิธีการสอนการสังเคราะห์การออกเสียงที่สามารถทำให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย  นั่นคือวิธีการสอนที่ไม่ใช่แค่เพียงการอ่านชื่อพยัญชนะแต่เป็นการออกเสียงของแต่ละตัวอักษรภาษาอังกฤษ ทั้ง 42 เสียงตัวอักษรเหล่านี้    เปรียบเสมือนการเล่นเกมตัวต่อที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถถอดรหัสภาษาอังกฤษด้วยเทคนี้ได้  ผู้เรียนจึงสามารถจดจำตัวอักษรและผสมผสานมันกับเสียงแต่ละเสียงได้อย่างง่ายดายในการอ่านศัพท์อังกฤษ  เช่นเดียวกันกับการเขียน ผู้เรียนก็สามารถจดจำเสียงของแต่ละตัวอักษรและนำมาเขียนเป็นคำได้อย่างถูกต้อง เราเรียกมันว่า ทักษะการแยกหน่วยเสียงย่อยและทักษะผสมเสียง (segmenting and blending)  โดยทั้งสองทักษะนี้ ถือเป็น 2 ใน 5 ทักษะสำคัญที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเพื่อที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกเสียง
       1.Learning the letter sounds: การเรียนรู้เสียงของตัวอักษร  ผู้เรียนจะได้รับการสอนเสียงของตัวอักษรทั้ง  42  ตัว  ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง  เสียงตัวอักษร ( 1 เสียง – 1 พยัญชนะ)  อย่างเช่น  s,  a,  t,  i,  p,  n  และ  ทวิอักษร  (1 เสียง – 2 พยัญชนะ)  อย่างเช่น sh,  th,  ai และ  ue ด้วยวิธีการสอนแบบพหุมิติสัมผัส  แต่ละเสียงจะถูกสอนด้วยกิจกรรมสนุกๆ,  มีเรื่องราวและเพลงต่างๆ ซึ่งหลักสูตร Jolly ได้แบ่งกลุ่มเสียงออกเป็น  7  กลุ่ม  กลุ่มละ  6  ตัวอักษร  โดยที่เราสอน  4-5  เสียง  ต่อสัปดาห์  ผู้เรียนจะสามารถเริ่มอ่านได้ตั้งแต่ได้เรียนเสียงของตัวอักษรในกลุ่มแรกและควรจะได้รับการสอนเสียงของตัวอักษรทั้งหมด  42  เสียง  ภายใน  9  สัปดาห์ที่โรงเรียน
phonics-set-6
phonics_courses_krubow-2
2. Learning letter formation: การเรียนรู้การสร้างและเขียนตัวอักษร เรื่องนี้จะถูกสอนไปด้วยกันกับการสอนเสียงของตัวอักษร โดยปกติแล้วผู้เรียนจะเรียนวิธีการสร้างและเขียนตัวอักษรในระหว่างบทเรียนพร้อมกันไปด้วย
3.Blending : การผสมเสียง หลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่องเสียงของตัวอักษรแต่ละเสียง ผู้เรียนสามารถที่จะผสมเสียงเข้าด้วยกันเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถอ่านและเขียนคำใหม่ๆ ได้
phonics_flashcard_krubow
phonics_courses
4.Segmenting : การแยกหน่วยเสียงย่อยในคำ: เมื่อผู้เรียนเริ่มอ่านคำ พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มระบุ และแยกเสียงแต่ละเสียงที่เป็นส่วนประกอบให้คำแต่ละคำมีเสียงแตกต่างกันออกไป ด้วยการสอนการผสมและแยกหน่วยเสียงย่อยไปพร้อมๆกัน ผู้เรียนจะมีความคุ้นเคยกับการรวมและแยกเสียงในแต่ละคำ
5.Tricky words: คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่อยู่นอกเหนือหลักการผสมเสียงทั่วไป หรือคำเจ้าเล่ห์เพทุบาย คำศัพท์เหล่านี้ถือเป็นคำศัพท์ที่ไม่ออกเสียงตามหลักการโฟนิกส์ เช่น who และ I  ผู้เรียนจะได้เรียนเรื่องนี้เช่นเดียวกัน การสอน tricky words นี้ตั้งแต่อายุยังน้อยจะสามารถเพิ่มความคล่องในการอ่านภาษาอังกฤษให้แก่ผู้เรียนได้ เนื่องจากคำศัพท์เหล่านี้มักจะปรากฏให้เห็นบ่อยในหลายๆประโยค
tricky-word-phonics
        นอกเหนือไปจากทักษะที่กล่าวมาแล้ว  ผู้เรียนยังคงได้รับการสอนการออกเสียง  ของรูปสะกดทางเลือกของเสียงสระต่างๆ   ( alternative spelling of vowels )ด้วย ทักษะทั้ง 5 นี้ จะช่วยสร้างพื้นฐานที่สำคัญให้กับผู้เรียนในการเรียนการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในอนาคตอีกด้วย

Jolly Phonics ดีไหม = ใช้ได้จริงและมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน!

        Jolly phonics มีการรับรองจากผลงานวิจัยทั่วโลก โดยในงานวิจัยต่างๆแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาของเด็กหลังจากที่ใช้หลักสูตร Jolly Phonics ประสบผลสำเร็จมากกว่าหลักสูตรการการออกเสียงทั่วไป  โดยหลักสูตรนี้นั้นมีประสิทธิภาพในหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย หรือแม้กระทั่งกลุ่มเด็กที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง  ( second language )  ก็สามารถเรียนได้ดีเท่ากับกลุ่มที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่  ( first language ) ซึ่งสามารถศึกษา กรณีศึกษาของโรงเรียนที่สอน Jolly Phonics แล้วดีขึ้นได้ภายใน 1 ปี  และ กรณีศึกษาการสอน Jolly Phonics ในโรงเรียน BuddingMinds ของอินเดีย ที่แม้ไม่ใช่เจ้าของภาษา แต่เด็ก ๆ ก็อ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดี เพิ่มเติมได้ที่นี่
teacher-course-phonics-krubow

        ครูโบว์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณพ่อ คุณแม่หลายๆท่านคงได้รู้จัก Jolly Phonics กันอย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งในแง่ของประวัติความเป็นมา ความสำคัญ กระบวนการสอน และความเป็นหลักสูตรอันดับหนึ่งมาตรฐานที่มีผลลัพธ์และงานวิจัยโดดเด่น จึงส่งผลผลักดันให้ กระทรวงศึกษาธิการแห่งสหราชอาณาจักรได้ระบุให้โฟนิกส์เป็นเครื่องมือหลักในหลักสูตรแกนกลางแห่งชาติ   (  Department  of  Education,  2013  ) ในระดับชั้นเด็กเล็กสำหรับโรงเรียนของระบบอังกฤษทั่วโลก

ากวันนี้เรารู้จักและมีหลักสูตรมีเครื่องมือที่ดีที่สุดในโลก แล้วเหตุใดเราจึงไม่จัดเวลาเพื่อให้ลูกได้เรียนในแบบมาตรฐานเดียวกันกับเจ้าของภาษาจริงจังเสียที

          ถ้าหากจอลลี่โฟนิกส์ทำให้เด็กที่ไม่เคยรู้หนังสือ  ได้อ่านออกเขียนได้  และมีสำเนียงคล้ายเจ้าของภาษา  ครูโบว์เชื่อมั่นมากๆว่า   หากคุณพ่อ  คุณแม่เข้ามาเรียนรู้เพื่อนำไปสอนลูกอีกที  หรือผู้ใหญ่หลายท่านที่ยังอ่านภาษาอังกฤษไม่คล่อง เปล่งเสียงในภาษาอังกฤษไม่ได้  ครูโบว์แนะนำจากใจว่า Jolly Phonics จะแก้ปมในอดีต และความฝันในวัยเด็กของทุกท่าน คือ อยากพูดภาษาอังกฤษได้สำเนียงเหมือนเจ้าของภาษา จะได้รับการปลดล็อคความกลัวนี้ออกไปเสียที  เพราะความรู้เท่านั้น  ที่ทำให้เราเติบโตจากภายใน  และสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังเสียที 

แล้วปัญหาเด็กไทยอ่านไม่ออก  เขียนไม่ได้ มันจะหมดไป!!

ด้วยรักจากใจ ครูโบว์ ขอขอบคุณที่มาแหล่งข้อมูล jollylearning.co.uk

บทความน่าสนใจอื่นๆ