บทความ

case-study-phonics-school-change

กรณีศึกษาของโรงเรียนที่ใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษแบบ Jolly Phonics และสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 1 ปี

เมื่อการสอนโฟนิกส์แบบเดิมไม่ได้ผลกับเด็กเล็ก

      ที่โรงเรียน Tudor ในประเทศอังฤษ เคยใช้หนังสือ The Phonics Handbook ในการสอนเสียงของตัวอักษรให้กับเด็ก ๆ ซึ่งมันช่วยเด็กโตพัฒนาทักษะด้านการสะกดคำได้เป็นอย่างดี  แต่กลับดูซับซ้อนเกินไปสำหรับเด็กเล็กในหลักสูตร  EYFS  (  หลักสูตรพัฒนาเด็กเล็กของประเทศอังกฤษ  )      ด้วยเหตุนี้เอง  ในการทดสอบ  Phonics  Screening  Check  ในปี  2012  นั้น  มีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล  3  เพียงแค่  25%  เท่านั้น  ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ  ทางโรงเรียนจึงเริ่มค้นหาวิธีการสอนแบบเป็นระบบที่ยังเรียกร้องความสนใจจากเด็กนักเรียนได้
case-study-phonics-school

ค้นพบ Jolly Phonics สำหรับเด็กวัยเริ่มเรียนปีแรก (Reception Class)

case-study-phonics-school         ในเดือนตุลาคมปี 2012 หลังจากที่กลุ่มครูของหลักสูตร EYFS ได้เข้าอบรมในคอร์ส  Jolly Phonics ที่เมือง นอตติงแฮม พวกเขาก็เริ่มสอนเสียงตัวอักษร 4-5 เสียงต่อสัปดาห์ใหักับเด็กๆ

         ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีเกินคาด เพราะเด็ก ๆ ดูจะชอบการออกเสียงโฟนิกส์ (phonics) และเข้าใจเนื้อหาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้พวกเขายังดูมั่นใจมากขึ้นในเวลาออกเสียงอีกด้วย และในปี 2013 เมื่อมีการทดสอบ Phonics Screening Check ก็มีเด็กที่ผ่านการทดสอบเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว!       จากจุดนี้เอง ทางโรงเรียนจึงเริ่มนำวิธีการสอนแบบ Jolly Phonics มาใช้ โดยสอนเรื่องการสะกดคำและไวยากรณ์ให้กับเด็กอนุบาล 3 – ป.3 ( years 1-4 ) เพื่อพัฒนาทักษะการออกเสียง ร่วมกับการใช้แนวคิดการสอนแบบพหุสัมผัส ( multi-sensory approach )       คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ถ้าอยากรู้ว่า Jolly Phonics คืออะไร ดีอย่างไร และดีไหม  หรือจะอ่านต่อเพื่อดูผลลัพธ์ของการสอน  Jolly Phonics ไปก่อนก็ได้ค่ะ ^^

การพัฒนาอย่างรวดเร็ว

        จากการทดสอบ Phonics Screening Check ในปี 2012 มีเพียง 25% ของเด็กอนุบาล 3 ( Year 1 ) เท่านั้นที่สอบผ่านได้ตามมาตรฐานที่กำหนด แต่หลังจากที่โรงเรียนหันมาสอนด้วยวิธี Jolly Phonics เป็นเวลา 1 ปี ปรากฏว่ามีเด็กนักเรียนที่สอบผ่านมาตรฐานเพิ่มขึ้นถึง 89%

      ในปี 2013 จำนวนนักเรียนที่สอบผ่านตามมาตรฐานของระดับอนุบาล 3 ( Year 1 ) เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% และมีนักเรียนมากกว่า 67% ที่ถูกจัดว่า “ มีพัฒนาการที่ดี ” ภายในปลายปีการศึกษา

          ผลลัพธ์จากการทดสอบ Phonics Screening Check แสดงให้เห็นชัดว่าทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียน พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ

บทสัมภาษณ์ของครูผู้สอน จูดิธ มอร์แกน

         จูดิธ  เป็นครูผู้สอนเด็กอายุต่ำกว่า  5  ขวบ  กล่าวว่า  เธอชื่นชอบวิธีการสอนแบบ  Jolly Phonics  ที่เปิดโอกาสให้มีการสอนแบบองค์รวม ( holistic approach )  ซึ่งต้องใช้ทั้งการมองเห็น,  การฟัง  และการใช้ร่างกาย  เธอจึงสามารถสอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก ๆ ด้วย           นอกจากนี้เธอยังได้อธิบายวิธีการสอนให้ผู้ปกครองของเด็กได้รับรู้ด้วย พวกเขาจึงสามารถเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กเวลาอยู่ที่บ้านได้ และพัฒนาการการเรียนรู้ของลูก ๆ ได้ด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกันเด็กๆ ก็จะมีความมั่นใจที่จะบอกกับผู้ปกครองว่าเขาพูดเสียงผิดหรือทำผิด
case-study-phonics-school-JudithMorgan

บทสัมภาษณ์สั้น ๆ ของเด็กนักเรียน

case-study-phonics-school-students

อะไรที่หนูชอบเกี่ยวกับ Jolly Phonics และมันช่วยในการเรียนรู้ของหนูอย่างไร

หนูอยากรู้เสียง 2-3 เสียงสุดท้ายที่เรายังไม่ได้เรียนวันนี้มาก เพราะหนูจะได้เอาไปคุยกับพ่อได้

พอได้ฝึก หนูก็ทำได้ดีขึ้น และตอนนี้หนูก็เขียนได้ดีขึ้นด้วยล่ะ

หนูชอบมันมากๆ เพราะมันทำให้หนูเขียนได้เหมือนผู้ใหญ่ ตอนนี้หนูฉลาดมากเลย

รู้มั้ยหนูตั้งหน้าตั้งตารอการเรียนเสียงใหม่ตั้งแต่ตอนทานอาหารเช้าแล้ว

บทสัมภาษณ์สั้น ๆ ของผู้ปกครอง

การเรียนแบบ Jolly Phonics ส่งผลต่อลูกของคุณอย่างไร” 

โธมัสมีความมั่นใจมากขึ้นมากๆ อีกทั้งวิธีการสอนยังช่วยให้เขาจำเสียงตัวอักษรได้ด้วย

อาเธอรักการอ่าน เธอช่วยแก้ไขการออกเสียงให้ฉันทุกครั้งเวลาที่ฉันออกเสียงผิด

ฉันคิดว่าวิธีการสอนแบบ Jolly Phonics เป็นวิธีที่ดีมากสำหรับเด็กเพราะมันช่วยพัฒนา ทักษะการอ่านของพวกเขา

เราสังเกตได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสิ่งที่อาลฟี่กำลังเรียนรู้ เขาชอบเขียน จดหมายและออกเสียงคำต่างๆ

case-study-phonics-school-students

ขอขอบคุณที่มาแหล่งข้อมูล jollylearning.co.uk

บทความน่าสนใจอื่นๆ